วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ข้อคิดในการใช้ชีวิต พระราชดำรัสในหลวง


พระราชดำรัสในหลวง
ขออัญเชิญพระราชดำรัสของพระองค์ท่าน

ข้อคิดในการใช้ชีวิต พระราชดำรัสในหลวง 

1. อย่าทำลายความหวังของใคร เพราะเขาอาจเหลืออยู่แค่นั้นก็ได้ 

2. เมื่อมีคนเล่าว่า ตัวเขามีส่วนในเหตุการณ์สำคัญอะไรก็ตาม เราไม่ต้องคุยทับ 
ปล่อยให้เขาฟุ้งไปตามสบาย 

3. รู้จักฟังให้ดีโอกาสทองบางทีมันก็มาถึง แบบแว่วๆ เท่านั้น 

4. หยุดอ่านคำอธิบายสถานที่ทางประวัติศาสตร์ ซึ่งอยู่ตามริมทางเสียบ้าง 

5. จะคิดการใด จงคิดการให้ใหญ่ๆ เข้าไว้ 
แต่เติมความสุขสนุกสนานลงไปด้วยเล็กน้อย 

6. หัดทำสิ่งดีๆ ให้กับผู้อื่นจนเป็นนิสัย โดยไม่จำเป็นต้องให้เขารับรู้ 

7. จำไว้ว่าข่าวทุกชนิด ล้วนถูกบิดเบือนมาแล้วทั้งนั้น 

8. เวลาเล่นเกมส์กับเด็กๆ ก็ปล่อยให้แกชนะไปเถิด 

9. ใครจะวิจารณ์เรายังไงก็ช่าง ไม่ต้องไปเสียเวลาตอบโต้ 

10. ให้โอกาสผู้อื่นเป็นครั้งที่ 2 แต่อย่าให้ถึง 3 



11. อย่าวิจารณ์นายจ้าง ถ้าทำงานกับเขาแล้วไม่มีความสุข ก็ลาออกซะ 

12. ทำตัวให้สบายอย่าคิดมาก ถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายแล้ว 
อะไรๆ มันก็ไม่สำคัญอย่างที่คิดไว้ทีแรกหรอก 

13. ใช้เวลาน้อยๆ ในการคิดว่า “ใคร” เป็นคนถูก 
แต่ใช้เวลาให้มากในการคิดว่า “อะไร” คือสิ่งที่ถูก 

14. เราไม่ได้ต่อสู้กับ “คนโหดร้าย” แต่เราต่อสู้กับ “ความโหดร้าย” ในตัวคน 

15. คิดให้รอบคอบก่อนจะให้เพื่อนต้องมีภาระในการรักษาความลับ 

16. เมื่อมีใครมาสวมกอดคุณ ให้เขาเป็นฝ่ายปล่อยก่อน 

17. เป็นคนถ่อมตน คนเขาทำอะไรต่ออะไรสำเร็จกันมามากมายแล้ว 
ตั้งแต่เรายังไม่เกิด 

18. ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์อันเลวร้ายเพียงใด…สุขุมเยือกเย็นเข้าไว้ 

19. อย่าไปหวังเลยว่า ชีวิตนี้จะมีความยุติธรรม 

20. อย่าให้ปัญหาของเรา ทำให้คนอื่นเขาเบื่อหน่าย 
ถ้ามีใครมาถามเราว่า “เป็นไงบ้างตอนนี้” ก็บอกเขาไปเลยว่า “สบายมาก” 

21. อย่าระดมสมอง เพราะไอเดียดีๆ ใหม่ๆ 
และยิ่งใหญ่จนสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ 
ล้วนมาจากบุคคลที่คิดค้นแต่เพียงผู้เดียวทั้งสิ้น 

22. อย่าพูดว่ามีเวลาไม่พอ เพราะเวลาคุณมีมันก็วันละ 24 ชม. เท่าๆ กับที่ 
หลุยส์ ปลาสเตอร์ , ไมเคิล แอนเจลโล , แม่ชีเทเรซ่า , ลีโอนาร์โด ดาวินซี 
, ทอมัส เจฟเฟอร์สัน หรือ อัลเบิร์ต ไอสไตน์ เขามีนั่นเอง 

23. เป็นคนใจกล้าและเด็ดเดี่ยว เมื่อเหลียวกับไปดูอดีต 
เราจะเสียใจในสิ่งที่อยากทำแล้วไม่ได้ทำ มากกว่าเสียใจในสิ่งที่ทำไปแล้ว 

24. ประเมินตนเองด้วยมาตรฐานของตัวเอง ไม่ใช่ด้วยมาตรฐานของคนอื่น 

25. จริงจังและเคี่ยวเข็ญต่อตนเอง แต่อ่อนโยนและผ่อนปรนต่อผู้อื่น 

26. คงไว้ซึ่งความเป็นคนที่เปิดเผย อ่อนโยน และอยากรู้อยากเห็น 

27. ให้ความนับถือแก่ทุกคนที่ทำงานเพื่อเลี้ยงชีพ ไม่ว่างานที่เขาทำนั้น 
จะกระจอกงอกง่อยสักปานใด 

28. คำนึงถึงการมีชีวิตให้ “กว้างขวาง” มากกว่าการมีชีวิตให้ “ยืนยาว” 

29. มีมารยาทและอดทนกับคนที่สูงวัยกว่าเสมอ คุณทำอย่างนั้นอยู่หรือเปล่า ???







ถ้าคุณได้อ่านและลองคิดตามในแต่ละข้อ
คุณจะพบว่าความเครียดและความกังวลในการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวันโดยทั่วไปจะค่อยๆ จางหายไป 
ถ้าคุณเพียงแต่เข้าใจและปฏิบัติตาม


• จงพิจารณาความเป็นไปได้ที่ว่าการชอบทำงานเกินเวลาจนเป็นนิสัยของคุณนั้นแสดงว่าคุณต้องการสำนักงานมากกว่าสำนักงานต้องการคุณ
• อย่าทำงานเกินเวลาจนติดเป็นนิสัย เมื่อมันกลายเป็นนิสัยจะทำให้มันหมดคุณค่าปล่อยตัวตามสบายได้ แต่อย่าถึงกับให้ดูโทรมนัก
• จงทำตัวให้ร่าเริง คอยช่วยเหลือและทำหน้าที่ให้ดีในการทำงานของคุณ คุณจะพบว่าไม่มีใครมาแข่งขันกับคุณ
• อย่าไว้เนื้อเชื่อใจว่าความสามารถ ความมีเสน่ห์และจินตนาการจะนำคุณสู่ตำแหน่งสูงสุดได้ คุณควรจะมีผมสีเทาและพุงป่องกลางอีกหน่อยด้วย
• อย่าได้เป็นกังวลในเรื่องการปล่อยเวลาให้เปล่าประโยชน์ ในสำนักงาน แต่เป็นกังวลกับการปล่อยชีวิตคุณเปล่าประโยชน์จะดีกว่า
• อย่าโทษคอมพิวเตอร์กับความผิดพลาดที่คุณทำขึ้นเอง
• ลองคิดถึงเวลาที่คุณไม่มีเงินเดือนดูบ้าง
• จงถือว่าสุขภาพคือทรัพย์สมบัติประการแรก
• อย่าได้ก้มหน้าก้มตาทำงานจนไม่เคยสังเกตเห็นนก ต้นไม้ ดอกไม้ และปุยเมฆ
• ในเวลาอาหารกลางวัน จงเลือกรับประทานอย่างฉลาด แต่ในบางครั้งจงรับประทานให้เต็มที่
• เมื่อใดที่สำนักงานทำให้คุณรู้สึกเศร้าสร้อย จงนึกเสียว่านี่เป็นเกมกีฬาสำหรับคนที่ยังไม่เป็นผู้ใหญ่ และอย่าได้นำมันกลับบ้านไปด้วย
• จำไว้ว่ายังมีอะไรๆอีกมากมายในการทำงานและในชีวิตมากกว่าการทำงานให้มีชีวิตอยู่หรือมีชีวิตอยู่เพื่อทำงาน
• อย่าทำเป็นคนตรงต่อเวลา ไปถึงก่อนเวลาจะดีกว่า
• อย่าได้หลอกตัวเองว่าการมีสิ่งของรกอยู่บนโต๊ะหมายถึงการมีงานมากเพียงแต่หมายความว่าคุณยังไม่ได้ทำมันนั่นเอง
• จัดเก็บโต๊ะของคุณให้เรียบร้อย บุคคลส่วนใหญ่ที่ประสบความสำเร็จจะมีโต๊ะทำงานที่ว่างโล่ง
• อย่าเป็นกังวลมากจนเกินไปว่าเพื่อนร่วมงานคิดอย่างไรกับคุณ เพราะส่วนใหญ่ในชีวิตของพวกเขา ไม่ได้คิดถึงคุณเลย
• จงร่ำรวยเงินสด
• จงหาเวลาแทนที่จะรอให้มีเวลา
• จงยิ้มไว้เสมอ
• จงมีความเพียรอันบริสุทธิ์ สติปัญญาที่เฉียบแหลม ร่างกายที่สมบูรณ์จะนำมาซึ่งความสำเร็จ
(โพสด์ทูเดย์ 12 มิถุนายน 2549)




พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว


4 ธันวาคม พ.ศ. 2546


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงให้โอวาท
ในวันที่ ธันวาคม
พ.ศ. 2546 มีใจความโดยสรุปว่า เราทุกคนควรเป็นคนซื่อตรง ซื่อสัตย์
ไม่ใช่พวกคดในข้องอในกระดูก
การทำงานต่างๆจึงจะส่งผลดี
และการจะทำงานใดๆเราก็ควรมีความรอบคอบ
ควรคิดหน้าคิดหลังให้ดีเสียก่อน


เมื่อคิดจะทำงานสิ่งใดควรคิดดูว่าเมื่อทำไปแล้วจะเกิดผลประโยชน์อย่างไรและจะเกิดผลเสียรึเปล่า
ทรงยกตัวอย่างเช่น
การสร้างเขื่อนที่จังหวัดพิษณุโลก
เพราะเกิดน้ำท่วมขึ้นที่นั้นทุกๆปี
จึงคิดจะสร้างเขื่อนขึ้นแต่ก็ต้องดูผลกระทบรวมๆด้วย
เพราะบริเวณนั้นก็อยู่ใกล้แม่น้ำเจ้าพระยาเช่นกัน ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมได้
จึงต้องคิดให้รอบคอบก่อน มิฉะนั้นอาจเกิดปัญหาตามมาในภายหลังได้
ต่อจากนั้นได้กล่าวถึงเรื่องการศึกษา
ซึ่งเราจะมีงานดีๆทำได้จะต้องมาจากการที่มีการศึกษาดี
โดยการศึกษาที่ดีจะต้องเริ่มจากระดับอนุบาล ประถมศึกษา มัธยมศึกษา และอุดมศึกษา
ยิ่งในระดับต่ำๆจะยิ่งสำคัญมาก
เพราะถือว่าเป็นพื้นฐานที่สำคัญ
เพราะถ้าชั้นต่ำๆไม่ดีเมื่อไปเรียนในชั้นสูงๆก็จะไม่รู้เรื่อง
ทรงยกตัวอย่างว่า
การทำระเบิดสามารถทำได้โดยการใช้ปุ๋ยซึ่งมีราคาไม่แพง
ผิดกับการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่
ถ้าเราไม่มีความรู้
เราอาจจะต้องเสียเงินมากมายในการซื้อระเบิด
จากนั้นได้กล่าวถึงการเรียนการสอนในปัจจุบัน
ซึ่งเป็นการสอนโดยให้เด็กเป็นศูนย์กลาง และยังให้เด็กเป็นผู้สอนครูอีกที่หนึ่ง
ซึ่งเป็นไปได้ยากในบางวิชาหรือบางโอกาส
ยกตัวอย่างเช่น
เด็กเพิ่งเกิดจะให้มาสอนได้อย่างไรเพราะเด็กยังไม่รู้เรื่องเลย
และครูบางคนก็สอนยังไม่เป็น
เวลาที่เด็กเกิดการสงสัยแล้วเข้าไปถามก็มักจะถูกครูว่า
ซึ่งครูคิดว่าโดนดูถูก
แต่ถ้าเป็นต่างประเทศ เขาจะสอนให้เด็กคิดและสนับสนุนให้คิดด้วย
อีกเรื่องหนึ่งก็คือ
การก้าวทันโลก
ในความเป็นจริงแล้วคนเราก็ควรก้าวตามโลกไม่ใช่เป็นคนล้าหลัง
แต่เมื่อโลกหมุนไปถ้าจะก้าวตามก็ไม่ควรที่จะตามอยู่ตลอดเวลา
ขอเพียงแค่ไม่เป็นคนตกยุคก็เพียงพอแล้ว
ทรงบอกว่า
มีเครื่องคอมพิวเตอร์ของพระองค์อยู่เครื่องหนึ่ง
ซึ่งก็ไม่ได้ทันสมัยมากนักแต่ก็ใช้งานได้
จะเห็นว่าเราไม่จำเป็นต้องตามกระแสไปซะทุกอย่าง
เรื่องสุดท้ายที่ทรงกล่าวไว้คือ
ความรับผิดชอบในหน้าที่ของตนเอง
คนเราควรรู้หน้าที่ของตนเองว่าคืออะไร
เมื่อรู้แล้วก็ควรทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด
โดยไม่โยนความรับผิดชอบเหล่านั้นให้คนอื่น
โดยกล่าวว่า
การที่นายกรัฐมนตรีได้ปราบปรามพวกยาเสพติดนับว่าเป็นสิ่งที่ดี
โดยมีคนตายไปทั้งสิ้น 2500 คน
ซึ่งไม่มีผู้รับผิดชอบในส่วนนี้
เพราะมัวแต่โยนกันไปโยนกันมา
จึงควรหาคนรับผิดชอบและแจ้งต่อประชาชนด้วย
ไม่ใช่ว่าให้ประชาชนรับผิดชอบกันเอง
และเมื่อทรงกล่าวให้โอวาทจบก็ได้พระราชทานพรแก่ผู้ที่มาเข้าเฝ้า

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

 
Design by Free WordPress Themes | Bloggerized by Lasantha - Premium Blogger Themes | Affiliate Network Reviews